เงินได้ คือ ผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับมาแล้วทำให้เรารวยขึ้น โคยเฉพาะเงินได้ที่ทำให้เรามีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กฎหมายจะเรียกชื่อเฉพาะว่า “เงินได้พึงประเมิน”
“ภาษีเงินได้ ถือเป็นภาษีชนิดหนึ่งที่รัฐเรียกเก็บจากผู้มีเงินได้ทุกคนในประเทศ โดยการเก็บภาษีก็จะมีอัตราการเรียกเก็บที่แตกต่างกันไปตามประเภทของรายได้ ซึ่งรายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น จะถูกเรียกว่า เงินได้พึงประเมิน หรือก็คือ
เงิน ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์ใดๆ ที่เราต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ยกเว้นว่าจะมีการระบุไว้ว่าเป็นเงินที่ได้รับการยกเว้นภาษี”

อะไรเป็นเงินได้พึงประเมินได้บ้าง

  1. เงินสด
  2. ทรัพย์สินที่ตีราคาได้
  3. สิทธิประโยชน์ที่ตีราคาได้
  4. เงินค่าภาษีที่มีคนจ่ายแทนให้
  5. เครดิตภาษีเงินปันผล

เงินได้พึงประเมิน สามารถแบ่งได้เป็น 8 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 เงินเดือน
เงินเดือน หรือเงินประจำ รวมถึงผลประโยชน์อื่นๆ เช่น โบนัส เบี้ยเลี้ยง หรือเงินค่าที่พักที่ได้รับจากนายจ้าง โดยเงินได้ก้อนนี้ จะถูกนำไปหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

ประเภทที่ 2 ค่าจ้างทั่วไป
“เงินที่ได้จากการรับจ้างทำงาน เช่น ค่านายหน้า ค่าตอบแทนต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง โดยหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เช่นเดียวกับเงินได้ประเภทที่ 1
อย่างไรก็ดี หากเรามีเงินได้ทั้งจากประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 จะต้องนำมาคิดรวมกัน และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ซึ่งไม่เกิน 100,000 บาทเท่านั้น”

ประเภทที่ 3 เงินจากค่าลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา
“โดยหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท หรือตามจริง
นอกจากนี้ยังรวมเงินที่ได้จากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น และคำพิพากษาของศาล อย่างไรก็ตาม เงินที่กล่าวมานั้น ไม่สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้”

ประเภทที่ 4 เงินที่ได้ในรูปของดอกเบี้ย เงินปันผล และส่วนแบ่งกำไร
“ซึ่งกำไรที่ได้จากการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกันโดยเงินได้ประเภทนี้ ไม่สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายได้เลย แต่ยังมีดอกเบี้ยบางประเภทที่ไม่ต้องยื่นภาษี เช่น ดอกเบี้ยสลากออมสิน
หรือดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้รับจากสหกรณ์ออมทรัพย์”

ประเภทที่ 5 เงินที่ได้จากการให้เช่าทรัพย์สินต่าง ๆ
รวมถึงเงินที่ได้จากการผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน และการผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อน โดยหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 10-30% ของเงินได้ หรือหักตามจริง

  • บ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง แพ 30%
  • ที่ดินที่ใช้ในการเกษตร 20%
  • ที่ดินที่มิได้ใช้ในการเกษตร 15%
  • ยานพาหนะ 30%
  • ทรัพย์สินอื่น 10%

ประเภทที่ 6 เงินที่ได้จากวิชาชีพอิสระ ประกอบไปด้วย 6 อาชีพ
“ได้แก่ การประกอบโรคศิลปะ กฎหมาย วิศวกรรม สถาปัตยกรรม บัญชี และประณีตศิลปกรรม โดยการประกอบโรคศิลปะ สามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% ของรายได้ หรือหักตามจริง
ขณะที่อาชีพอื่น ๆ หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้เพียง 30% ของรายได้ หรือหักตามจริง”

ประเภทที่ 7 เงินที่ได้จากการรับเหมา ซึ่งต้องรวมทั้งค่าแรงและเงินค่าของ
โดยนำไปหักค่าใช้จ่ายได้ 60% ของเงินได้ หรือหักตามค่าใช้จ่ายจริงก็ได้หากเป็นการรับเหมาเฉพาะค่าแรง แต่ลูกค้าซื้อวัสดุและอุปกรณ์เอง จะไม่ถือว่าเป็นเงินได้ประเภทที่ 7 แต่จะเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 เพราะเป็นการว่าจ้างธรรมดา

ประเภทที่ 8 คือ เงินได้อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เงินได้ประเภทที่ 1 ถึง 7 และไม่ได้รับการยกเว้นภาษี
เช่น เงินจากการทำธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ โดยหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 40-60% ของเงินได้ หรือหักตามจริง

หน้าที่หลักของทุกคนที่มีรายได้ เงินได้พึงประเมิน ไม่ว่าจะมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีหรือไม่ คุณจะต้องทำการยื่รแบบภาษีประจำปีด้วย และคุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนด